วันที่ 25 ก.ค. 2566นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลเปิดหลักฐานเพิ่มเติมคดีซุกหุ้นจนนำมาสู่การที่ศาล สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวว่า ไม่มีอะไร เรามีเอกสาร หลักฐาน ยืนยัน ซึ่งตน ไม่ได้มีหุ้นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 เดี๋ยวจะให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูล แล้วชี้แจงกับสื่อมวลชนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ตนมีหลักฐานชัดเจนเพราะการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต้องตรวจให้เรียบร้อย และยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะยิ่งต้องทำให้ดีคำพูดจาก เว็บสล็อต ดีที่สุดในไทย
เมื่อถามว่า ได้ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการแถลงข่าวอีกครั้ง หลังจากที่เรื่องผ่านไปนานแล้ว อาจเป็นเพราะพรรคภูมิใจไทย จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือเปล่า นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ต้องถามคนที่ตั้งประเด็น เรามีหน้าที่ชี้แจง เพราะเรื่องที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และเราเชื่อมั่นกระบวนการนี้
ส่วนบริษัทที่นายศักดิ์สยามถือหุ้น ไปรับงานของรัฐบาลนั้น นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกัน นั่นเป็นตอนที่ตนเคยบริหาร การประมูลงานของรัฐ เป็นการดำเนินการตามระเบียบพัสดุอยู่แล้ว เมื่อมีการประกวดราคา บริษัทที่มีคุณสมบัติก็มีหน้าที่ไปซื้อแบบแล้วเข้าประมูลโดยวิธีอีบิดดิ้ง ไม่ได้ใช้วิธีพิเศษอะไร เพราะฉะนั้นบริษัทที่ได้งานทั้งประเทศไทยมีไม่รู้เท่าไหร่ ถ้าเขามีคุณสมบัติตามอีบิดดิ้งเข้ายื่นตามกระบวนการที่ถูกต้องทั้งหมด ผมว่าก็เป็นความชอบธรรม แล้วได้งานชนะ ก็เป็นความชอบธรรมของเขาในการดำเนินการ อย่ามาบอกว่าเป็นของใคร และวันนี้ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ตั้งแต่ปี 2562 และไม่กังวลใดๆ เพราะการตรวจสอบบุคคลสาธารณะเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาเมื่อศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ เรามีหน้าที่รวบรวมข้อมูลไปชี้แจง ส่วนที่เรื่องช้าเพราะเข้าใจว่า เอกสารของผู้ยื่นร้อง มีจำนวนมากกว่า 600 หน้า แต่ละข้อก็ต้องไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ซึ่งก็มีเป็นหลัก 1,000 หน้า แต่ยืนยันว่ามีความพร้อมในการชี้แจงทั้งหมด
ส่วนกระแสข่าวถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็เป็นหน้าที่ของพรรคอันดับสามอย่างภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ชี้แจงแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยยึดมั่นในหลักการ สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งก่อน ถ้าหนึ่งไม่ได้ก็สอง และถ้าสองไม่ได้ก็สาม และถ้าไปตรวจสอบการจัดตั้งรัฐบาลในอดีต พรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินเสียงในระบบทั้งหมดก็ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งปี 2562 ก็เป็นแบบนั้น และถ้าย้อนไปตั้งแต่สมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ ที่มี 18 เสียง ก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉะนั้นการจะอ้างอะไรต้องพูดให้ครบ ตอนนี้ก็รอดีกว่า